top of page

สบตาความตายด้วยความรัก บทเรียนหลังการจากไปของ อ.ตุล คมกฤช อุ่ยเต็กเค็ง

  • รูปภาพนักเขียน: SKH Palliative Care Staff
    SKH Palliative Care Staff
  • 6 มิ.ย.
  • ยาว 1 นาที

วันนี้แอดมินมีคลิปวิดีโอดีๆ มาแบ่งปัน เป็นคลิปวิดีโอการสัมภาษณ์ คุณแพร วิรวรรณ บุญเกิดกุลวงศ์ ภรรยาของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง (อาจารย์ตุล) นักวิชาการผู้เป็นที่เคารพ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากความเชี่ยวชาญด้านศาสนาฮินดูและปรัชญาอินเดีย อาจารย์ตุลเสียชีวิตอย่างกะทันหันเมื่ออายุ 43 ปี ทำให้หลายคนตกใจและเศร้าเสียใจ คุณแพรแบ่งปันประสบการณ์ของเธอในการรับมือกับการสูญเสียอย่างกะทันหัน กลไกการรับมือของเธอ และชีวิตและความเข้าใจที่พวกเขามีร่วมกันช่วยให้เธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างไร



คุณแพรเล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่อาจารย์ตุลเสียชีวิต เริ่มต้นด้วยเช้าวันเสาร์ตามปกติ พวกเขาแสดงความรักต่อกันเหมือนที่เคยทำในทุก ๆ วัน ต่อมาขณะที่คุณแพรออกไปข้างนอก เธอได้รับโทรศัพท์ว่าอาจารย์ตุลเป็นลม เธอรีบไปโรงพยาบาล โดยคิดในตอนแรกว่าไม่ร้ายแรง อย่างไรก็ตาม อาการของเขาทรุดลงอย่างรวดเร็ว หัวใจหยุดเต้นหลายครั้งแม้จะได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์ คุณแพรเน้นย้ำว่าตลอดช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ เธอให้ความสำคัญกับการอยู่กับปัจจุบัน และที่สำคัญคือการปฏิบัติตามความปรารถนาที่อาจารย์ตุลเคยแสดงไว้เกี่ยวกับการดูแลเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งก็คือการไม่ยืดเยื้อความทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็น


ฉันต้องพูดประโยคนี้หรอ ฉันต้องเป็นคนพูดการปฏิเสธหรอ

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณแพรสามารถรับมือได้คือ การสื่อสารอย่างเปิดเผยและการวางแผนล่วงหน้าที่เธอและอาจารย์ตุลมีเกี่ยวกับการเสียชีวิตและการตัดสินใจเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิต พวกเขาได้พูดคุยและแม้กระทั่งบันทึกความปรารถนาของเขาไว้ในพินัยกรรมทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งรวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการไม่ต้องการให้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ และคำขอเฉพาะสำหรับช่วงเวลาสุดท้ายของเขา เช่น การมีรูปพระอวโลกิเตศวรให้เห็น และการสวดมนต์บางบท ความเข้าใจล่วงหน้านี้ทำให้คุณแพรสามารถตัดสินใจได้สอดคล้องกับความต้องการของสามี แม้ในท่ามกลางความโศกเศร้าของเธอเอง และลดความรู้สึกสงสัยหรือเสียใจที่อาจเกิดขึ้นได้


มันต้องเคลียร์ตัวเองให้ชัดอ่ะค่ะว่า อันนั้นร่างกายเค้า อันนี้ร่างกายเรา ถ้าเราตัดสินใจอะไรไป เรากำลังตัดสินใจอยู่ในความต้องการเค้า หรือความต้องการเรากันแน่

คุณแพรอธิบายกระบวนการโศกเศร้าของเธอว่าเป็นการยอมรับมากกว่าที่จะพยายาม "ก้าวข้าม" การสูญเสีย เธอตระหนักถึงความเจ็บปวดและความเศร้า แต่ปล่อยให้ตัวเองรู้สึกถึงอารมณ์เหล่านี้อย่างเต็มที่ เธอพบความปลอบใจในการปฏิบัติทางจิตวิญญาณร่วมกันและความเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นอยู่เหนือร่างกาย เธอพูดถึงความผูกพันของพวกเขาว่าเหมือน "คนคนเดียว" และความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกสร้างขึ้นจากความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์แบบโรแมนติก มุมมองนี้ซึ่งมีรากฐานมาจากการปฏิบัติทางพุทธศาสนาร่วมกันและแนวคิดเรื่อง "การถึงสรณะ" (ไตรสรณคมน์) ช่วยให้เธอรู้สึกว่าเขายังคงอยู่กับเธอในทางที่ลึกซึ้ง


แพรค้นพบศักยภาพของตัวเอง แพรไม่คิดมาก่อนเลยว่าแพรมีสติขนาดนี้

ท้ายที่สุด คุณแพรเล่าว่าประสบการณ์นี้ แม้จะเจ็บปวดอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็เผยให้เห็นความเข้มแข็งภายในและความสามารถในการมีสติของเธอเอง เธอเชื่อว่าวิถีชีวิตที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ด้วยการสื่อสารที่เปิดเผย การเคารพซึ่งกันและกัน และเส้นทางจิตวิญญาณร่วมกัน เตรียมเธอไว้สำหรับเหตุการณ์นี้ แม้ว่าจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เธอก็ไม่รู้สึกเสียใจหรือมีคำพูดที่ค้างคาใจ เพราะชีวิตที่พวกเขาใช้ร่วมกันนั้นรู้สึกสมบูรณ์ เรื่องราวของเธอให้ข้อคิดเกี่ยวกับการรับมือกับการสูญเสียอย่างสุดซึ้งด้วยการยอมรับ ความสำคัญของการพูดคุยเรื่องวาระสุดท้ายของชีวิต และความเข้มแข็งที่สามารถพบได้ในการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณและการตระหนักรู้ในตนเอง


จากคลิปวิดีโอที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของคุณแพร เราจะเห็นความเชื่อมโยงกับมิติทางด้าน palliative care ดังนี้


  • ความสำคัญของการสื่อสารและวางแผนล่วงหน้าเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของชีวิต: อาจารย์ตุลและคุณแพรได้พูดคุยและจัดทำ "พินัยกรรมชีวิต" หรือ Living Will (ซึ่งรวมถึง medical will) ไว้ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งระบุความต้องการเกี่ยวกับการไม่ยื้อชีวิตด้วยการใช้เครื่องมือทางการแพทย์โดยไม่จำเป็น การมีแผนการเหล่านี้ล่วงหน้าช่วยให้คู่ชีวิตสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและสอดคล้องกับความประสงค์ของผู้ป่วย แม้ในยามที่ต้องเผชิญกับความโศกเศร้าอย่างมาก

  • การเคารพความประสงค์ของผู้ป่วย: การที่คุณแพรสามารถปฏิบัติตามความต้องการของอาจารย์ตุลในเรื่องการดูแลเมื่อวาระสุดท้าย (เช่น การไม่ต้องการยื้อชีวิต การมีรูปพระอวโลกิเตศวร) แสดงให้เห็นถึงการเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีของผู้ป่วยในการตัดสินใจเลือกแนวทางการดูแลของตนเอง ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการดูแลแบบประคับประคอง

  • การลดความทุกข์ทรมานที่ไม่จำเป็น: แนวคิดของการไม่ต้องการยื้อชีวิตและไม่ยืดเยื้อความทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็น สะท้อนถึงเป้าหมายหลักของการดูแลแบบประคับประคองที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณภาพชีวิตและลดความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณของผู้ป่วยและครอบครัว

  • การเตรียมใจและการรับมือกับความสูญเสีย: แม้ว่า Palliative Care มักจะมุ่งเน้นที่การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย แต่แนวคิดในการเตรียมใจและการพูดคุยเรื่องความตายอย่างเปิดเผย ดังที่คุณแพรและอาจารย์ตุลทำ ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้ดูแลและครอบครัวสามารถรับมือกับการสูญเสียได้อย่างมีสติและยอมรับความจริง ซึ่งเป็นผลลัพธ์เชิงบวกที่เชื่อมโยงกับการเตรียมการที่ดีในบริบทของ Palliative Care

  • ความเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณและการปลอบประโลม: การที่คุณแพรพบความปลอบใจในความเชื่อและปฏิบัติทางจิตวิญญาณร่วมกัน รวมถึงความรู้สึกว่าความผูกพันของพวกเขายังคงอยู่เหนือการจากไปทางกาย เป็นการแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของการดูแลด้านจิตวิญญาณใน Palliative Care ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวพบความสงบและความหมายในชีวิต แม้ในยามเผชิญหน้ากับความตาย


ขอขอบคุณ ช่องยูทูบ มนุษย์ต่างวัย https://www.youtube.com/@Manoottangwai

Comentários


©2022 ศูนย์ดูแลแบบประคับประคอง โรงพยาบาลสกลนคร

bottom of page