top of page

การวินิจฉัยผู้ป่วย

Palliative Care

การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยกำลังเข้าสู่ระยะสุดท้าย เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่จะนำไปสู่กระบวนการดูแลแบบประคับประคอง แต่การวินิจฉัยระยะสุดท้ายในบางโรคหรือบางภาวะอาจทำได้ยากเนื่องจากมีการดำเนินของโรคแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงมีการใช้เกณฑ์เฉพาะกลุ่มโรคเข้ามาช่วยให้การวินิจฉัยแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ขั้นตอนที่ 1

Surprise Question !

การตั้งคำถามแสดงความประหลาดใจ เป็นขั้นตอนแรกในการนำไปสู่การวินิจฉัยผู้ป่วยระยะสุดท้าย ทำได้ง่ายๆ โดยการตั้งคำถามตัวคุณเองในฐานะทีมผู้ดูแลผู้ป่วยหรือแพทย์เจ้าของไข้ว่า...

"คุณจะรู้สึกประหลาดใจไหม หากผู้ป่วยรายนี้เสียชีวิตภายในเวลาอีกไม่นาน?"

ถ้าคำตอบของคุณคือ "ไม่" แปลว่าผู้ป่วยรายนี้ "อาจจะ" เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย

ขั้นต่อไปให้ลองพิจารณาดูเกณฑ์บ่งชี้ทั่วไป(General indicators)

Health consultation

ขั้นตอนที่ 2

เกณฑ์บ่งชี้ทั่วไป(General Indicators)

คือการประเมินว่าผู้ป่วยมีภาวะบ่งชี้ทั่วไป ว่าจะมีความต้องการการดูแลเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งได้แก่เกณฑ์ต่อไปนี้อย่างน้อย 1 ข้อ

  • Functional performance status ถดถอย นั่งนอน > 50% ของวัน ต้องพึ่งพิงการช่วยเหลือมากขึ้น

  • มี multiple co-morbidity

  • โรคลุกลามไม่ตอบสนองการรักษา

  • ผู้ป่วยขอยุติการรักษาหลัก

  • น้ำหนักลด >10% ในหกเดือน

  • เข้า รพ.โดยไม่คาดหมายบ่อยครั้งมากขึ้น

  • เกิดเหตุสำคัญ เช่น ล้มรุนแรง

ขั้นตอนที่ 3

เกณฑ์เฉพาะกลุ่มโรค(Specific Criteria)

โดยการใช้เกณฑ์เฉพาะตามกลุ่มโรคที่ผู้ป่วยเป็น เข้ามาช่วยในการวินิจฉัย อาทิเช่น

  • Advanced cancer

  • Heart failure

  • COPD

  • CKD

  • Dementia

  • Neurological disease

Caregiver with Patient

เกณฑ์เฉพาะกลุ่มโรค
(Specific Criteria)

1 / Advanced Cancer

  • มะเร็งเข้าสู่ระยะแพร่กระจาย(distant metastasis)

  • เป็นมะเร็งที่มีการพยากรณ์โรคแย่ เช่น cholangiocarcinoma, lung cancer, esophageal cancer etc.

  • มีการถดถอยของ functional status ใช้เวลานั่งๆนอนๆ มากกว่า 50% ของวัน

2 / Heart Failure

พิจารณาตามเกณฑ์ต่อไปนี้

  • แสดงอาการรุนแรง

    • NYHA Functional class III-IV

    • หอบเหนื่อยขณะทำกิจกรรมเพียงเล็กน้อย เช่น พูด กินอาหาร หรือแม้แต่ในขณะพัก

    • ไม่สามารถออกนอกที่พักอาศัยด้วยตนเองได้

  • เข้ารับการรักษาตัวใน รพ. 2 ครั้งขึ้นไปในช่วง 6 เดือน

  • ไม่สามารถใช้ยา beta-blocker, ACEI/ARB หรือ ARNI ขนาดที่เคยใช้อยู่เดิมได้เนื่องจากเกิดผลข้างเคียง

  • จำเป็นต้องใช้ยาขับปัสสาวะขนาดสูง(furosemide > 240mg/day) หรือต้องใช้ยาขับปัสสาวะมากกว่า 1 ชนิด

  • เกิดผลกระทบต่ออวัยวะอื่นนอกระบบหัวใจและหลอดเลือด

    • มีภาวะ cachexia หรือ BMI < 19kg/m2​

    • CKD stage 4-5, BUN/Cr rising หรือ hyponatremia

    • pulmonary hypertension from left heart disease

  • Intracardiac device ทำงานกระตุกหัวใจหลายครั้ง​

  • ไม่ตอบสนองต่อการใช้เครื่อง CRT ช่วยรักษา

  • จำเป็นต้องใช้ยากลุ่ม inotrope ทาง IV เพื่อพยุงอาการ

3 / COPD

​เข้าเกณฑ์ต่อไปนี้อย่างน้อย 2 ข้อ

  • มีสถานะของโรคอยู่ในระดับรุนแรง (FEV1 <30% predicted)

  • เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลบ่อยๆ (อย่างน้อย 3 ครั้งใน 12 เดือนที่ผ่านมา จากภาวะ COPD exacerbations)

  • มีข้อบ่งชี้ของการใช้  long-term oxygen therapy

  • MRC grade 4/5 โดยมีอาการหายใจหอบเหนื่อยหลังการเดินระยะ 100 เมตรในพื้นระนาบ หรือทำกิจกรรมอยู่แต่ในบ้านจากข้อจำกัดจากภาวะหายใจหอบเหนื่อย

  • มีอาการและอาการแสดงของ right heart failure

  • มีปัจจัยอย่างอื่นเหล่านี้ร่วม ได้แก่ เบื่ออาหาร ภาวะซึมเศร้า

  • ได้รับ systemic steroids มากกว่า 6 สัปดาห์ เพื่อรักษาอาการของ COPD ในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา

4 / CKD

​เข้าเกณฑ์ต่อไปนี้อย่างน้อย 2 ข้อ

  • ทีมผู้ดูแลประเมินว่าผู้ป่วยอยู่ในปีสุดท้ายของชีวิต (Surprise question)

  • ผู้ป่วยเลือกไม่ล้างไต หรือยุติการล้างไต เนื่องจากไม่สามารถทำได้จากภาวะของ co-morbid หรือเป็นความประสงค์ของผู้ป่วย

  • มีอาการทางกายและทางจิตใจที่จัดการลำบากแม้ได้รับการดูแลด้วย renal replacement therapy ที่เหมาะสมอย่างเต็มที่

  • มีอาการของไตวาย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน คันตามตัว

  • สมรรถนะถดถอย ภาวะน้ำเกินที่จัดการลำบาก

5 / Dementia

มีภาวะที่เป็นสาเหตุหลายอย่างที่ต้องพิจารณาที่มีผลต่อความรุนแรงของ dementia ตัวบ่งชี้ที่บอกว่าผู้ป่วยเริ่มเข้าสู่ระยะท้ายของโรคได้แก่:

  • ไม่สามารถเดินโดยไม่มีคนคอยพยุง และ

  • ไม่สามารถกลั้นอุจจาระและปัสสาวะได้ และ

  • ไม่สามารถสื่อสารอย่างมีความหมาย และ

  • ไม่สามารถทำกิจกรรมในการดำรงค์ชีวิตประจำวัน (ADL)

  • Barthel score <3

  • ความสามารถในการประกอบกิจกรรมดำรงชีวิตประจำวันลดลง

ร่วมกับข้อใดข้อหนึ่งดังนี้:

  • น้ำหนักลด

  • มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสวะ

  • แผลกดทับระดับ 3/4  

  • มีไข้เป็นๆหายๆ  

  • รับประทานทางปากลดลง/น้ำหนักลด  

  • ปอดบวมจากการสูดสำลัก

6 / Neurological Disease
  • มีการเสื่อมถอยด้านกายและการรับรู้อย่างต่อเนื่องแม้ได้รับการรักษาอย่างเต็มที่

  • มีอาการที่ซับซ้อนและจัดการยาก

  • มีภาวะกลืนลำบากที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในปอดและในกระแสเลือดซ้ำๆ มีอาการหายใจหอบเหนื่อยหรือมีภาวะหายใจวาย

  • พูดลำบาก มีความลำบากในการสื่อสารและมี progressive dysphasia

ร่วมกับตัวบ่งชี้อื่นๆ เฉพาะโรคดังนี้

Motor Neuron Disease (MND)

  • มีการเสื่อมถอยทางกายอย่างมาก

  • มีการติดเชื้อในปอดจากการสูดสำลัก 

  • มีการรับรู้เปลี่ยนแปลงมากขึ้น เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

  • น้ำหนักลด

  • มีอาการซับซ้อนและมีภาวะแทรกซ้อนทางคลินิก

  • มี vital capacity ต่ำ (< 70% predicted) ตรวจโดย standard spirometry

  • มีปัญหาการเคลื่อนไหว dyskinesia ล้มบ่อย

  • ไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจได้

Parkinson’s disease

  • การรักษาด้วยยาไม่ได้ผลหรือต้องใช้ยาหลายขนานและซับซ้อนในการรักษา

  • ต้องการการช่วยเหลือในการทำกิจกรรมดำรงชีวิตประจำวัน

  • โรคควบคุมลำบาก

  • มีปัญหาการเคลื่อนไหว dyskinesia ล้มบ่อย

  • มีอาการทางจิตเวช (วิตกกังวล ซึมเศร้า ประสาทหลอน จิตเภท)

Multiple sclerosis

  • มีอาการซับซ้อนและมีภาวะแทรกซ้อนทางคลินิก 

  • กลืนลำบาก และมีภาวะทุโภชนาการ

  • สื่อสารลำบาก เช่นพูดลำบาก อ่อนล้า

  • มีการรับรู้สูญเสีย เริ่มมี dementia

ศูนย์ดูแลแบบประคับประคอง
โรงพยาบาลสกลนคร

📍ชั้น 1 อาคารรังสีรักษา โรงพยาบาลสกลนคร 

1041 ถ.เจริญเมือง ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร

จ.สกลนคร 47000

📞042-176000 ต่อ 3915

©2022 ศูนย์ดูแลแบบประคับประคอง โรงพยาบาลสกลนคร

bottom of page